การศึกษาเพื่อสร้างค่านิยมให้แก่สังคมในปี ค.ศ. 2000*

เมื่อ 3 ปีก่อน สภาการศึกษาคาทอลิกสากล ได้จัดการประชุมสมัชชาใหญ่ ณ กรุง Bogota ประเทศโคลัมเบีย อเมริกาใต้ ในหัวข้อเรื่อง "การศึกษาเพื่อความยุติธรรมและสันติภาพ" นักวิชาการมีความเห็นว่า เพื่อจะบรรลุถึงเป้าหมายนี้ "การศึกษา" ควรจะมุ่งไปที่การปลูกฝังค่านิยมบางอย่างขึ้น (interiorisation of certain values) จึงจะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมสมตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ คือ ความยุติธรรมและสันติภาพในสังคมมนุษย์ ในเมื่อการปลูกฝังค่านิยมในปัจจุบันนี้ เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมและสันติภาพขึ้นในสังคมในอนาคต คณะกรรมการบริหารสภาการศึกษาคาทอลิกจึงเห็นควรจะตั้งเป็นหัวข้อ (theme) ของการประชุมสมัชชาใหญ่ในปี 1982 ว่า "การศึกษาเพื่อสร้างค่านิยมให้แก่สังคมในปี ค.ศ. 2000" ที่เลือกปี ค.ศ. 2000 ก็เพราะเห็นว่าการศึกษาเป็นขบวนการที่ยาวกว่าจะได้เห็นผลที่พอใจก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร

จากหัวข้อเรื่องดังกล่าวข้างต้น เราอาจจะตั้งคำถามได้ว่า : "ค่านิยมอะไรบ้างที่การศึกษาคาทอลิกควรจะให้แก่เยาวชนในอนาคต ในปี ค.ศ. 2000" เราจะให้การศึกษาแก่เยาวชนตามค่านิยมที่มุ่งหวังไว้ได้อย่างไร? เราจะช่วยให้การศึกษาซึ่งเริ่มต้นจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งขยายวงกว้างออกไปถึงระดับชาติ และระดับโลกได้อย่างไร ?

ปัญหาที่น่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีอีกว่า ค่านิยมอะไรบ้างที่เยาวชนในยุคปัจจุบันต้องการจะมีตามความเห็นของเขา? เราทราบดีว่าในโลกตะวันตกได้มีการวิเคราะห์และสำรวจความเห็นในเรื่องนี้ ผลจากการสำรวจชี้ให้เห็นว่าเยาวชนจำนวนมากมีทรรศนะกว้างพอที่จะยอมรับว่าสังคมที่เขาอยู่นั้นมีปัญหาที่เรียกร้องหาคำตอบ และเยาวชนตระหนักดีในความสำคัญของคุณภาพชีวิตและการเคารพในสิทธิของผู้อื่น เมื่อพูดถึงเยาวชนในยุคนี้แล้ว นักสังคมศาสตร์บางท่านใช้คำว่า "พิภพของคนหนุ่มสาว" และ "ระยะแรกเกิดของวัฒนธรรมใหม่" เป็นต้น

ขอบข่ายของการค้นคว้าและวิจัย เรื่อง "ค่านิยม" นี้จำกัดเพียงแค่ 2 ระดับเท่านั้นคือ ประเทศโลกที่สามซึ่งมีความเชื่อถือยึดมั่นตามลัทธิศาสนา (พุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู...) ขนบธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราณกาล และมีระบบการเมืองที่ค่อนข้างจะสับสนอยู่มากกับระดับโลกตะวันตกซึ่งมีคริสต์ศาสนาเป็นแกนของวัฒนธรรม และมีระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ค่อนข้างจะเสรี

ในส่วนที่เป็นโลกของประเทศคอมมิวนิสต์นั้น น่าเสียดายที่ไม่มีนักการศึกษา หรือเยาวชนช่วยให้ความคิดเห็น หรือ ข้อเสนอแนะเลย เพราะสภาการศึกษาคาทอลิกสากลไม่มีโรงเรียน ที่เรียกว่า "คาทอลิก" เหลืออยู่เลย แม้ในกรณีที่ยังมีการศึกษาคาทอลิกดำเนินอยู่ได้บ้าง การศึกษานั้นก็ดำเนินไปในลักษณะของสังคมปิด

ในแง่ของวัฒนธรรมใหม่แบบต่างๆ นั้น การศึกษาเพื่อส่งเสริมค่านิยมของมนุษย์อาจจะเป็นจุดสนใจพิเศษของสภาการศึกษาคาทอลิกสากลในระยะ 2-3 ปีข้างหน้านี้ก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตข้อหนึ่งที่ควรบันทึกไว้ก็คือ ไม่ว่านักปรัชญาและนักเทววิทยาจะอภิปรายในแง่ใดก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ โรงเรียนก็ยังคงต้องการข้อเสนอแนะที่ปฏิบัติได้ในการสร้างค่านิยมให้แก่เยาวชนในอนาคต

        ค่านิยม หมายความว่ากระไร?

เมื่อพูดถึงค่านิยมในหมู่นักวิชาการด้วยกัน เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ การตีความหมายของค่านิยมในเชิงปรัชญา การให้นิยามแก่ "ค่านิยม" ที่ทำให้ทุกคนพอใจทั้งในแง่ของนามธรรม และรูปธรรม (Subjectively and Objectively) ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องอภิปรายกันนาน

        ค่านิยมในเชิงวิชาครูเพื่อถ่ายทอดในโรงเรียนคาทอลิก

คณะกรรมการบริหารสภาฯ เสนอแนะว่าแต่ละประเทศสมาชิกควรจะศึกษาว่ามีค่านิยมอะไรบ้าง ที่สังคมประเทศของตนควรรักษาไว้ และ/หรือส่งเสริมปลูกฝังให้มีขึ้นในตัวเยาวชน

เมื่อประมาณ 15 ปีมาแล้ว นักการศึกษามีความเห็นตรงกันว่าการศึกษาแบบใดก็ตามย่อมถ่ายทอดค่านิยมได้ในตัวเอง ดูเหมือนว่าครูที่สอนประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มีโอกาสถ่ายทอดค่านิยมได้มากกว่าคนอื่น ในครั้งนั้นนักการศึกษาเชื่อว่าครูควรมีค่านิยมบางประการในการถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ผู้เรียน

ในคริสตศตวรรษที่แล้ว นักการศึกษาคาทอลิก ได้เลือกเฟ้นค่านิยมบางประการให้เป็นค่านิยมที่ควรได้รับการส่งเสริมในโรงเรียนคาทอลิก เช่น อิสรภาพของเยาวชน เสรีภาพของสตรี เป็นต้น

เมื่อปี ค.ศ. 1977 ในประเทศเยอรมนีตะวันตกได้มีการพิจารณาถึงค่านิยมขั้นมูลฐาน นักการศึกษาในประเทศนั้นเห็นว่าควรเน้นค่านิยมที่ส่งเสริมความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบให้มากขึ้น เช่นความรัก ความเมตตา ความจริง ความซื่อสัตย์ ศักดิ์ศรีมนุษย์ เสรีภาพ ความรักหมู่คณะ และสันติภาพ

สภาการศึกษาคาทอลิกในประเทศเบลเยี่ยมนั้นได้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1980 นี้เอง เรื่องการอมรมด้านสังคม และเน้นการพัฒนาความสนใจและความรู้ของเยาวชน ความรับผิดชอบต่อสังคม การส่งเสริมบุคลิกภาพ และบทบาทของบุคคลในสังคม

ส่วนสภาการศึกษาคาทอลิกในประเทศอินเดียนั้น ได้เสนอรายชื่อค่านิยมที่โรงเรียนคาทอลิกควรถ่ายทอดให้แก่เยาวชนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตามดังนี้

        1. ค่านิยมส่วนบุคคล (Personal Values)

1. ความสะอาด

2. ศักดิ์ศรีของการทำงาน

3. ความขยัน

4. การตรงต่อเวลา

5. การซื่อตรง

6. การรักธรรมชาติ

7. ชัยชนะต่อความยากลำบาก

8. ความอดทน

9. ความกล้าหาญ

10. ความเป็นคนมีวุฒิภาวะ

11. พึ่งตนเอง เชื่อมั่นในตัวเอง               

12. ความทะเยอทะยาน

13. ความดีเลิศในทุกสิ่ง

14. ความหวัง

15. การค้นคว้า

16. การประเมินผล

          2. ค่านิยมที่ควรมีต่อผู้อื่น

1. รู้จักหน้าที่

2. ขันติ

3. ความมีมรรยาทผู้ดี

4. การประหยัด

5. เป็นคนใจกว้าง

6. มีน้ำใจนักกีฬา

7. ความจงรักภักดี

8. ความกตัญญูกตเวที

9. การยอมผ่อนปรน (tolerance)

10. อิสรภาพ

11. ความแน่วแน่มั่นคง 

 

          3. ค่านิยมต่อหมู่คณะ

1. ความรัก                                                               

2. แลกเปลี่ยนทัศนะกัน (dialogue)

3. ภราดรภาพ

4. การให้อภัย

5. การยอมรับผิด

6. การแบ่งปัน

7. การให้บริการ

8. รู้จักทำงานเป็นกลุ่ม

9. ความรับผิดชอบ

10. ภาระหน้าที่ (accountability)

11. ความเห็นใจต่อผู้อื่น

12. ความโอบอ้อมอารี (hospitality)

13. ความยุติธรรม

14. อหิงสา

สภาการศึกษาคาทอลิกในประเทศไทย จะจัดให้มีการสัมมนาประจำปีขึ้น เพื่อศึกษาเรื่องค่านิยมซึ่งโรงเรียนคาทอลิกในประเทศไทยควรปลูกฝังให้แก่เยาวชน เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าค่านิยมสำหรับเยาวชนไทยเรานั้นจะต้องสะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ของไทย และวัฒนธรรมไทยด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าค่านิยมอื่นใดเหมาะสม สำหรับเยาวชนไทยในอนาคตเพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงแก่ประเทศและในเวลาเดียวกันก็เป็นค่านิยมที่ทำให้ผู้ยึดถือพบความสมหวังของชีวิตด้วยนั้นก็ขึ้นอยู่กับนักวิชาการและครูบาอาจารย์ทั้งหลายจะมาร่วมระดมสรรพกำลังความคิดและปัญญา เพื่อสอดส่องหาค่านิยมนั้น ซึ่งสภาฯ ก็มีความหวังว่าควรจะเป็นค่านิยมทางจริยธรรมและความเชื่อในศาสนา

        ค่านิยมทางจริยธรรมและอุดมการณ์ของชีวิต

ยังมีเรื่องอีกมากที่จะต้องอภิปรายกันเกี่ยวกับเรื่องของค่านิยมในชีวิตประจำวัน เช่น ค่านิยมทางจริยธรรมและความเชื่อในศาสนา ในประเทศฝรั่งเศส (1974-1975) ได้มีการพูดถึง "การให้บริการแก่ผู้ที่ไม่เชื่อในศาสนา" ว่าเป็นค่านิยมของคนที่ศรัทธาต่อศาสนาในยุคปัจจุบันจำนวนมากเชื่อในศาสนา แต่ไม่ไยดีต่อศาสนาหรือเชื่อศาสนาตามแบบวิทยาศาสตร์ นักปรัญชายุคนี้เรียกคนพวกนี้ว่าพวก "นอกวัด (secular)" ผู้ที่เคร่งศาสนามองเห็นภัยจากลัทธินอกวัด (secularism) ถึงกับทำการวิเคราะห์และวิจัยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมยุคนี้ และขนานนามบุคคลเหล่านี้ว่าเป็นพวก "หัวคิดแบบใหม่ (new mentalities)" และว่าพวก "นอกวัด" นี้อยู่ใน "วัฒนธรรมยุคที่ 3" หรืออะไรทำนองนั้น นักสังคมศาสตร์เรียกพวกหัวก้าวหน้าในศตวรรษที่แล้วว่าพวกถือลัทธิมนุษยนิยม (วัฒนธรรมยุคที่ 1) และในปัจจุบันพวกหัวก้าวหน้านั้นถือลัทธิ "วิทยาศาสตร์นิยม" (วัฒนธรรมยุคที่ 2) แต่ในปัจจุบันเราสังเกตเห็นว่าโลกของเรากำลังจะเห็นวัฒนธรรมยุคที่ 3 เกิดขึ้นแล้ว คือ มนุษย์บางพวก เป็นต้นพวก "นอกวัด" นี้กำลังจะสร้าง ค่านิยมแปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้น ซึ่งเราก็คงจะดูกันต่อไปว่าค่านิยมของพวกนี้คืออะไร? และมันจะมีอิทธิพลทางความคิดแก่เราเพียงใด

ค่านิยมทางจริยธรรมยังรวมความไปถึงสิทธิมนุษยชน (human rights) และสัญญานานาชาติยุคใหม่ (New International Order) อีกด้วย การประชุมของผู้เชี่ยวชาญทางศาสนา ณ องค์การยูเนสโกที่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว แสดงให้เห็นชัดว่าโลกของชนนั้น ปัญญานั้นต้องการให้ศาสนาทุกศาสนารับรองเรื่อง "สิทธิมนุษยชน" เป็นพื้นฐานของจริยธรรมก่อนที่จะชักนำให้สมาชิกเคร่งในศาสนาของตน

เมื่อเราพูดถึงความเชื่อในศาสนากับค่านิยม เราก็คงจะต้องพูดถึงกฎของมโนธรรมหรือเสียงของมโนธรรม ถ้าพูดในแง่การศึกษาแล้วก็จะต้องเน้นเรื่องการสร้างความสำนึกให้แก่เยาวชนและการยอมรับเอกสิทธิของบุคคลในเรื่อง "เสรีภาพแห่งมโนธรรม" เสียก่อน

        บทบาทของโรงเรียนคาทอลิก และสถาบันอุดมศึกษาของคาทอลิก

โรงเรียนคาทอลิกมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปลูกฝังและถ่ายทอดค่านิยม เป็นต้นว่าค่านิยมทางจริยธรรม ผู้บริหารจำเป็นต้องศึกษาให้ลึกซึ้งในเรื่องของค่านิยม จึงจะสามารถถ่ายทอดไปยังครูและไปยังนักเรียนอีกต่อหนึ่งได้

สถาบันอุดมศึกษาของคาทอลิกหรือของโปรเตสแตนต์ เช่น วิทยาลัยแสงธรรม หรือวิทยาลัยพายัพเชียงใหม่ น่าจะอยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้กระตุ้นความสำนึกในเรื่องค่านิยมด้านจริยธรรมได้เป็นอย่างดี เช่นในเรื่อง "เสรีภาพแห่งมโนธรรม"

สถาบันชั้นอุดมศึกษา เช่น วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจควรจะรับภาระที่จะกระตุ้นนักธุรกิจให้เกิดความสำนึกในเรื่องจรรยาบรรณของนักธุรกิจค่านิยม เช่น "Honesty is the best Policy" ยังคงจะเป็นค่านิยมของนักธุรกิจที่รู้จักรับผิดชอบต่อสังคมได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันถ้าเราต้องการให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจแก่ประเทศของเรา

        การอบรมครูจริยศึกษา

เมื่อต้นปีการศึกษา 2522 สภาการศึกษาคาทอลิก ได้จัดให้มีการประชุมปฏิบัติการเรื่องการสอนจริยศึกษาระดับประถมและระดับมัธยมศึกษา ในหัวข้อเรื่อง "การส่งเสริมคุณลักษณะของคนไทย ตามหลักศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก" ณ ร.ร. อัสสัมชัญ แผนกประถม

ในการประชุมปฏิบัติการครั้งนั้น สภาฯ ได้รับความร่วมมือจากสมาคมครูคาทอลิกสมาคมผู้ปกครองและครูเซนต์คาเบรียลและสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างดี

ผลของการประชุมปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง จนกระทรวงศึกษาธิการได้ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานนี้ และได้อนุมัติให้ใช้เป็นคู่มือริยศึกษา สำหรับอบรมสั่งสอนนักเรียนนักศึกษาต่อไป


  *จุลสาร สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 3 (มกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม 2529).

  *ครู อาจารย์ นักบริหารการศึกษา และนักบริหารการพัฒนา : ภราดา ดร. ประทีป ม.โกมลมาศ