Bro. Martin Joined in the Swimming Competition of the Most Senior Category* 
On March 7th, 2009

ภราดา ประทีป ม.โกมลมาศ 
'กีฬาคือชีวิตจิตใจ'
"สุขภาพดีหาซื้อไม่ได้ ต้องออกกำลังกายถึงจะได้มา"

ภราดา ประทีป ม.โกมลมาศ อธิการบดีกิตติคุณ  มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ (เอแบค)

ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงความรักในกีฬา

ในการแข่งขันว่ายน้ำผู้สูงอายุชิงชนะเลิศ แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 6 เมื่อ วันเสาร์ ที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา เป็นสนามของบรรดาเงือกและฉลามรุ่นเดอะ ที่รักในกีฬาว่ายน้ำและรักในสุขภาพของตนเอง มารวมกันแข่งเป็นประจำทุกปีแม้ว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ไม่มากนัก เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้นักว่ายน้ำทั้งหลายแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ต้องการให้ผู้สูงอายุทุกคนได้มีโอกาสมาทดสอบสมรรถภาพร่างกายของตนเองมากกว่า เรื่องชัยชนะจึงเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีผู้ใดให้ความสำคัญมากนัก เห็นได้จากการพูดสนทนากันของนักกีฬาที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่มีอาการเคร่งเครียดกับผลการแข่งขันให้เห็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับรายการนี้ก็คือ นักว่ายน้ำผู้มีอายุมากที่สุดโดยฝ่ายหญิงคือ สุรีรัตน์ โสภโณวงศ์ ลงแข่งด้วยวัย 74 ปี ส่วนผู้ชายนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงอธิการบดีกิตติคุณของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ (เอแบค) "ภารดา ประทีป ม.โกมลมาศ" ลงแข่งขันในวัย 76 ปี

โดยท่านอธิการฯ เปิดใจถึงการเข้ามาร่วมแข่งขันว่ายน้ำผู้สูงอายุครั้งนี้ ทั้งที่การเป็นผู้บริหาร ม.เอแบคนั้น มีภาระให้รับผิดชอบอย่างมากมาย ว่า

“ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ และ ดร.กัลยา กิจบุญชู ก็ชักชวนให้มาสมัครแข่งขันในครั้งนี้ ตัวผมเองออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ส่งเสริมให้คนสูงอายุได้ออกกำลังกาย เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ก็เลยลงแข่งด้วย”

ภารดา ประทีป เปิดใจอีกว่า ว่ายน้ำมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กเมื่อก่อนบ้านอยู่ริมคลองสามเสนต้องอาบน้ำริมคลองทุกวัน เรื่องว่ายน้ำจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก

“ผมเคยว่ายข้ามแม่น้ำที่ จ.อยุธยา มาแล้วชอบกระโดดน้ำด้วยที่เอแบคเรามีสระว่ายน้ำและแพลตฟอร์มสำหรับกระโดดน้ำตัวผมเองก็ชอบขึ้นไปบนแพลตฟอร์มเพื่อกระโดด แต่คนใกล้ชิดทั้งหลายไม่ค่อยอยากจะให้โดด กลัวว่าจะได้รับอันตราย กลัวว่าผมจะจมน้ำ ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าผมน่ะชอบมาก”

ลีลาการแข่งขันของอธิการฯ ประทีป ม.โกมลมาศ

ทุกวันนี้อธิการฯ ภราดาประทีป ม.โกมลมาศ ยังออกกำลังกายทุกวันด้วยการวิ่งบนสายพานอย่างน้อยวันละ 10 นาที ด้วยความเร็ว 6.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และว่ายน้ำเป็นบางวัน

“การที่คนสูงวัยได้ออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีมากตัวผมเองยังมีความรู้สึกเลยว่าจะอยู่ได้ถึง 100 ปี นี่พูดจริงๆ นะ ตอนนี้ต้องออกกำลังกายทุกวันไม่ทำไม่ได้ วันไหนไม่มีเหงื่อแล้วจะรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่ถ้าได้เล่นกีฬาแล้วเหงื่อออกจะรู้สึกสบายใจที่สุด”

“เรื่องเล่นกีฬานี่คงจะนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนเมืองนอกเพราะมหาวิทยาลัยทีผมเรียนพอถึงตอนเย็นเขาจะให้นักเรียนทุกคนเล่นกีฬาเล่นทุกวัน แรกๆ ก็ไม่ชอบ อยากจะอยู่เฉย ๆ แต่ไม่ทำไม่ได้เพราะเขาบังคับ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นนิสัยเป็นความเคยชิน ต้องเล่นกีฬาก่อนทานข้าวเย็นกีฬาช่วยบำบัดโรค ช่วยให้เรามีภูมิต้านทาน ไม่ใช่เอะอะก็กินยาอย่างเดียว อย่างนั้นร่างกายเราจะแย่มากกว่าดี” กับคำถามที่ว่าจะมาลงแข่งขันในรายการว่ายน้ำผู้สูงอายุนี้อีกในปีหน้าหรือไม่ อธิการฯ ม.เอแบค กล่าวว่าต้องมาอีกอย่างแน่นอน และจะมาทุกปีถ้าไม่มีกิจสำคัญอะไรต้องปฏิบัติ และยังฝากข้อคิดที่น่าสนใจไว้ว่า “ผมว่าคนไทยเรามีศักยภาพสูง ทำได้ ทุกอย่าง สู้ได้ทุกคนในโลก ถ้าหากเราจะทำกันอย่างจริงจัง อยากให้รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจบริหารประเทศ เลิกทะเลาะกันแล้วหันมาพัฒนากีฬาของบ้านเราจะดีกว่า ดูอย่างประเทศจีน กับญี่ปุ่น ที่ตอนนี้นักว่ายน้ำของเขาเริ่มจะเอาชนะนักกีฬาของอเมริกาได้แล้ว เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง เรื่องนี้สามารถช่วยพัฒนานักกีฬาของเราได้ ถ้ารัฐบาลตั้งงบประมาณพิเศษในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาให้มาก รับรองว่าต่อไปนักกีฬาไทยจะต้องมีชื่อเสียงระดับโลกอีกหลายคน”

อายุไม่ได้เป็นอุปสรรคของการเล่นกีฬา อย่าปล่อยให้ข้ออ้างเรื่องของวัยมาเป็นตัวกั้นสุขภาพที่ดี ดูตัวอย่างจากนักกีฬาสูงวัยผู้นี้ก็ได้ แล้วจะเชื่อว่าการออกกำลังกายทำให้ทุกคนดูดีจริง ๆ

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์สยามกีฬา ฉบับวันพุธ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552
ฉัตรกฤษณ์ เพิ่มพานิช : เรื่อง
โจ จี๊ดจ๊าด : ภาพ